5 สิ่งที่ควรรู้ก่อนการติดโซล่าเซลล์บนหลังคาบ้าน

5 สิ่งที่ควรรู้ก่อนการติดโซล่าเซลล์บนหลังคาบ้าน

1.สำรวจความพร้อมของสถานที่ก่อนติดโซล่าเซลล์บ้าน

การสำรวจความพร้อมของบ้าน จะทำให้รู้ว่าบ้านของเราสามารถติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ได้หรือไม่ และมีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน การสำรวจความพร้อมของสถานที่เบื้องต้นสามารถทำได้ ดังนี้

  • ตรวจสอบกำลังไฟบ้าน การตรวจสอบกำลังไฟที่ใช้ภายในบ้านทำให้รู้ว่าในแต่ละเดือนใช้ไฟอยู่เท่าไหร่ และจะทำให้รู้ว่าควรเลือกติดตั้งโซล่าเซลล์ขนาดเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม ซึ่งการตรวจสอบกำลังไฟสามารถดูได้จากค่าไฟของแต่ละเดือน เช่น
    • ค่าไฟ 4,000 บาท ให้แบ่งการใช้ไฟฟ้าออกเป็น กลางวัน 70% กลางคืน 30% ดังนั้นค่าไฟกลางวันจะอยู่ที่ 2,800 บาท ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่หน่วยละ 5 บาท
    • นำค่าไฟกลางวันหารด้วยค่าไฟฟ้าเฉลี่ยต่อหน่วย 2,800/5 = 560 หน่วย
    • นำจำหน่วยที่ได้หารด้วย จำนวนวันและจำนวนชั่วโมงที่แดดออก เป็น (560/30)/8 = 2.3 หน่วย/ชั่วโมง
    • การติดตั้งโซล่าเซลล์ที่เหมาะสมคือ 1-3 กิโลวัตต์ (3kw) ซึ่งวิธีนี้เป็นการคำนวณเบื้องต้นเท่านั้น ต้องสอบถามและขอคำปรึกษาจากผู้ให้บริการการติดตั้งโซล่าเซลล์
  • สำรวจความแข็งแรงของหลังคาบ้าน ขนาดมาตรฐานของแผ่นโซล่าเซลล์อยู่ที่ 2×1 เมตร และน้ำหนักอยู่ที่ 20-25 กิโลกรัม ดังนั้น คุณควรตรวจสอบความพร้อมของหลังคา และวัสดุที่ใช้ปูหลังคา หากเกิดการชำรุด รอยรั่ว หัก แตก ควรทำการรีโนเวทหลังคาใหม่ให้มีความพร้อมในการติดตั้ง เพื่อป้องกันปัญหาที่ตามมาในภายในหลัง เพราะการติดตั้งโซล่าเซลล์เป็นการติดตั้งในระยะยาวหลายสิบปี
  • สำรวจรูปทรงและวัสดุของหลังคาบ้าน เนื่องจากประเภทหลังคามีผลในความยากง่ายและวัสดุอุปกรณ์ในการติดตั้ง รวมถึงในส่วนของการระบายน้ำฝน
    • หลังคาทรงจั่ว เป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศไทย เพราะสามารถระบายความร้อนได้ดี ลักษณะของทรงหลังคาจะสูง ลาดชัน ทำให้สามารถติดโซล่าเซลล์ได้ง่ายที่สุด
    • หลังคาทรงปั้นหยา จะมีลักษณะลาดเอียงเล็กน้อย และเป็นทรงที่นิยมใช้กันทั่วโลก ข้อดีของหลังคาประเภทนี้ที่สามารถปะทะลม กันแดด กันฝนได้ดี แต่การระบายความร้อนทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ในการติดโซล่าเซลล์บ้านสามารถติดตั้งได้ทุกทิศของหลังคา
    • หลังคาทรงเพิงแหงน สามารถติดตั้งโซล่าเซลล์ได้ง่ายเช่นเดียวกับหลังคาทรงจั่ว เพราะมีพื้นที่หลังคาเยอะและกว้าง แต่ต้องระวังในเรื่องของการรั่วซึมเมื่อฝนตก เนื่องจากความลาดเอียงของหลังคาประเภทนี้น้อยมาก ส่งผลให้ระบายน้ำฝนได้ไม่ดีเท่าที่ควร
  • ทิศทางที่เหมาะสมกับการติดตั้ง
    • ทิศเหนือ เป็นทิศที่ได้รับแสงแดดน้อยที่สุด เพราะในประเทศไทยนั้นดวงอาทิตย์จะขึ้นทางด้านทิศตะวันออกและอ้อมไปทางทิศใต้ แนะนำว่าไม่ควรติดโซล่าเซลล์บ้านหันแผงไปทางทิศเหนือ
    • ทิศใต้ เป็นทิศที่ควรหันแผงโซล่าเซลล์ไปทิศทางนี้ เพราะจะได้รับแสงแดดตลอดทั้งวัน ในการติดตั้งสามารถเอียงแผงเล็กน้อยประมาณ 13.5 องศา เพื่อให้แผงสามารถรับแสงได้อย่างเต็มที่
    • ทิศตะวันออก จะได้รับแสงแดดปานกลาง แต่ข้อจำกัดการรับแสงจะอยู่ในช่วงเช้า-เที่ยงเท่านั้น ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับทางทิศใต้ การรับแสงของทิศตะวันออกจะได้รับแสงน้อยกว่า 2-16% จะส่งผลให้แผงโซล่าเซลล์ทำงานได้ไม่เต็มที่
    • ทิศตะวันตก ประสิทธิภาพการรับแสงจะเท่ากับทางด้านทิศตะวันออก ซึ่งส่งผลให้แผงโซล่าเซลล์ทำงานได้ไม่เต็มที่
2.ทำความรู้จักแผงโซล่าเซลล์แต่ละประเภท

ก่อนจะทำความรู้จักกับแผงโซล่าเซลล์ ต้องแนะนำระบบการติดโซล่าเซลล์บ้านที่นิยมมากที่สุด จะเป็นระบบออนกริด ซึ่งเป็นระบบที่เหมาะสำหรับการติดตั้งกับสถานที่อยู่อาศัย และราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ทำให้หลายคนเลือกที่จะติดตั้งระบบนี้ ส่วนแผงโซล่าเซลล์ที่นิยมใช้ในประเทศไทย จะแบ่งออกเป็น 3 แบบ ซึ่งคุณสมบัติจะแตกต่างกันออกไปเพื่อรองรับการใช้งานที่ต่างกัน

  • แผงโมโนคริสตัลไลน์ (Monocrystalline Silicon Solar Cells) วิธีในการสังเกตแผงโซล่าเซลล์ประเภทนี้ รูปทรงของเซลล์จะมีสีเข้ม มุมทั้งสี่มุมจะเป็นสี่เหลี่ยมมุมตัด ทำมาจากซิลิคอนทรงกระบอกบริสุทธิ์ ข้อดีมีคุณภาพสูง สามารถผลิตไฟได้ดีแม้ว่าแสงแดดจะน้อย และอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 25-40 ปี ข้อเสียในกรณีที่มีคราบสกปรกบนแผงเป็นระยะเวลานาน จะส่งผลให้ระบบอินเวอร์เตอร์ไหม้ได้ ต้องหมั่นดูแลเรื่องความสะอาดและแผงโซล่าเซลล์ชนิดนี้มีราคาสูง
  • แผงโพลีคริสตัลไลน์ (Polycrystalline Silicon Solar Cells) วิธีการสังเกตแผงโซล่าเซลล์ประเภทนี้ รูปทรงของเซลล์เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ไม่มีการตัดมุม สีแผงเข้มออกไปทางสีน้ำเงิน ทำมาจากผลึกซิลิคอน ข้อดีราคาไม่แพง และแผงโพลีคริสตัลไลน์สามารถใช้งานในพื้นที่ที่อุณหภูมิสูงกว่าแผงคริสตัลไลน์เล็กน้อย ข้อเสียประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 13-16% และมีอายุการใช้งานที่ค่อนข้างสั้นเพียง 20-25 ปี
  • แผงโซล่าเซลล์ชนิด ฟิล์มบาง (Thin Film Solar Cells) วิธีการสังเกตุแผงโซล่าเซลล์ประเภทนี้ สีแผงจะเข้ม มีสีดำ ฟิล์มจะมีลักษณะบางกว่าชนิดอื่น ข้อดีราคาถูกที่สุด มีน้ำหนักเบา สามารถโค้งงอได้ดี ทนต่ออากาศร้อนได้ดี ข้อเสียผลิตไฟฟ้าได้น้อยที่สุด อายุการใช้งานสั้น และไม่เหมาะนำมาติดตั้งในภาคอุสาหกรรมและบ้านเรือน
3.เลือกผู้ให้บริการในการติดโซล่าเซลล์

ผู้ให้บริการติดตั้งโซล่าเซลล์ในปัจจุบันมีค่อนข้างมาก สามารถเข้าถึงได้ง่าย แตกต่างกันที่ราคาและประสบการณ์ ผลงานที่ผ่านมา สิ่งที่ควรคำนึงในการเลือกได้แก่ งบประมาณในการติดตั้ง ,เลือกผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้ง , การบริการหลังการขาย และการรับประกันการติดตั้งของผู้ให้บริการ โดยทั่วไปการรับประกันของสินค้า(แผงโซลล่าเซลล์)อยู่ที่ 10 ปี และการรับประกันประสิทธิภาพของแผงอยู่ที่ 25 ปี

4.ทำเรื่องขอติดตั้งแผงโซล่าเซลล์

ขั้นตอนนี้อาจจะต้องใช้เวลา 1-2 เดือนเลยทีเดียว และรายละเอียดของการขออนุญาตนั้น อาจจะแตกต่างกันตามวัตถุประสงค์ในการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ แต่หากเป็นการติดโซล่าเซลล์ที่ใช้สำหรับบุคคลจะมีขั้นตอนดังนี้

  • ก่อนเริ่มการติดตั้งต้องให้ผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์เข้าไปทำการสำรวจสถานที่ ทำการวัดขนาด และทิศทางของการติดตั้ง
  • ผู้ขออนุญาตติดตั้งต้องเตรียมเอกสารต่างๆ เข้าไปยื่นที่การไฟฟ้านครหลวงหรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยเอกสารที่ต้องนำไปยื่นคือ
    • รูปถ่ายแสดงการติดตั้งของอุปกรณ์
    • สำเนาหลักฐานการยื่นแจ้งราชการส่วนท้องถิ่น ในขั้นตอนนี้คุณสามารถทำเรื่องขอไปที่ สำนักงานเขต เพื่อทำการแจ้งขอติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บนที่พักอาศัย
    • ในกรณีต่อเดิม เปลี่ยนแปลงอาคารไม่เป็นไปตามกฎกระทรวง ต้องแจ้งให้ทางวิศวกรโยธาเข้ามาตรวจสอบและเซ็นรับรอง เพื่อนำเอกสารชุดนี้ไปยื่นขอใบอนุญาต อ.1 ที่สำนักงานเขต
    • แจ้งทางโยธาพร้อมวิศวกรโยธาที่มีใบ กว. เข้าไปตรวจความพร้อมในการติดตั้ง เพื่อทำการรับรองว่าสถานที่อยู่อาศัยมีความพร้อม
    • เอกสาร Single line Diagram ที่ถูกลงนานด้วยวิศวกรไฟฟ้าที่มีใบ กว. รับรอง
    • รายละเอียดของแผงโซล่าเซลล์
    • รายการตรวจสอบมาตรการด้านการออกแบบ

ซึ่งขั้นตอนนี้จะค่อนข้างยุ่งยาก เสียเวลา และมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก ในผู้ให้บริการติดตั้งบางรายก็ให้ความอำนวยในขั้นตอนนี้ด้วย จะลดความยุ่งยากและประหยัดเวลาไปได้

5.การดูแลแผงโซล่าเซลล์

หลังจากการติดตั้งโซล่าเซลล์แล้ว คุณควรหมั่นดูแลรักษาความสะอาด และตรวจสอบสภาพแผงโซล่าเซลล์อยู่เสมอ ซึ่งหากขาดการดูแลและตรวจสอบเป็นระยะเวลานาน จะส่งผลให้การทำงานและประสิทธิภาพการรับแสงน้อยลง ในการดูแลรักษาสามารถตรวจสอบได้ตามนี้

  • หมั่นตรวจสอบสภาพของแผงโซล่าเซลล์ว่ามีรอยร้าว รอยแตก สีของแผงต่างไปจากเดิมหรือไม่
  • ทำความสะอาดแผงโซล่าเซลล์เป็นประจำ เพื่อขจัดคราบฝุ่นและสิ่งสกปรกที่ติดบนแผง อุปกรณ์ที่สามารถใช้ทำความสะอาดได้ควรเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ทำให้เกิดรอยข่วน เช่น แปรงขนไนลอน ผ้า หรือฟองน้ำ นำไปชุบด้วยน้ำเปล่า เพื่อล้างทำความสะอาดได้ ความถี่ในการทำความสะอาดควรอยู่ที่ 4-5 ครั้งต่อปี และควรเลือกล้างในช่วงเช้า
  • เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายที่เกิดจากแมลง หรือสัตว์ตัวเล็ก คุณควรทำการตรวจสอบอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับแผงโซล่าเซลล์อยู่เสมอ เช่น แบตเตอรี่ สายไฟ กล่องอุปกรณ์ต่างๆ
  • การเลือกใช้บริการผู้เชี่ยวชาญในตรวจสอบและทำความสะอาด มีผู้ให้บริการหลายบริษัทที่เปิดรับตรวจสอบและทำความสะอาด แต่ราคาในการให้บริการก็จะแตกต่างกันออกไป

อ้างอิงข้อมูลจาก : AP THAILAND (www.apthai.com)